Wednesday, January 24, 2007

Blog Tag

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา ผมหยุดเขียนบล็อกไปจนถึงวันนี้ เนื่องจากเกิดความรู้สึกเซ็งประเทศไหแลนด์อย่างบอกไม่ถูก และก็หลบภัยจากบุคคลนิรนามทั้งหลาย ที่อาจโผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งผมเป็นคนใจร้อนอาจทำให้เกิดอาการ “น็อตหลุด” ได้ จนมาเห็นบล็อก แท็ค ที่เริ่มระบาดในชุมชนบล็อกเก้อ ซึ่งจริงๆแล้วผมถูก tag แล้วครั้งนึงจากพี่ริน แห่ง Neo-Humansim แต่เนื่องจากบล็อกตอน Tag ของพี่รินแกหายไป ประกอบกับผมยังยุ่งๆอยู่ก็เลยปล่อยให้ผ่านไป คราวนี้คุณติ๊ก สกายวอคเกอร์ให้เกียรติ tag ผม ผมก็เลยถือโอกาสนี้ใช้หนี้ซะเลย

ตามกติกานะครับให้เขียนถึงตัวเอง 5 ข้อ

1 ชื่อที่ผมใช้ในอินเตอร์เน็ต คือธนุส (Tanusz) มาจากชื่อของพระเอกในตัวละครของ พล.ต.อ. วิศิษฐ เดชกุญชร เป็นอาชญนิยายหลายภาค เป็นเรื่องขององค์การลับของรัฐบาลไทย ไม่มีชื่อที่เป็นทางการ แต่มีชื่อที่ใช้เรียกกันเองว่า “บราโว่” (ใครนึกไม่ออกให้นึกถึงเอ็มไอ 6 ของ เจมส์ บอนด์ 007 เพราะผู้เขียนได้รับแรงบันดาลใจจากเอียน แฟลมมิ่ง คนเขียนเจมส์ บอนด์) ทำหน้าที่ตอบโต้ภัยที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศทุกรูปแบบ โดยไม่เลือกวิธีการใช้ ตัวพระเอกเป็นชายร่างสูงผิวคล้ำ เสียงทุ้มนุ่ม และที่สำคัญเก่งโคตรๆครับ มีทั้งหมด 5 ภาค คือ (1) แม่ลาวเลือด (2) สารวัตรเถื่อน เคยทำเป็นหนังโรง(หรือเปล่าผมไม่แน่ใจเพราะว่าไม่เคยดู) คุณนก ฉัตรชัยเล่นเป็นธนุส (3) หักลิ้นช้าง ตอนนี้เคยทำเป็นละครช่อง 7 พีท ทองเจือ เล่นเป็นธนุส หรือหัวหน้าแดน (4) บ่วงบาศ และล่าสุด (5) ประกาศิตอสูร ตอนล่าสุด เริ่มเรื่องมาบราโว่ถูกยุบไป ส่วนผู้การธนุสแกไปบวช ปล่อยให้ลูกน้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง เรื่องไม่น่าจะมีอะไร แต่สนุกมากๆครับ เสียดายนิดเดียว ที่ผู้การธนุสแก่โผล่มานิดเดียว แถมโผล่มาแบบเป็นพระเลยสนุกสู้ภาคก่อนๆไม่ได้

ซึ่งผมเริ่มติดนิยายของคุณวศิษฐ อย่างงอมแงมเอาตอนประมาณ ม. 3 (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) จำได้ว่าตอนนั้นช่อง 5 เอานิยายของคุณวิศิษฐ มาสร้างเป็นละคร เรื่องเลือดเข้าตา ที่คุณจักรกฤษณ์ อมรัตน์ เล่นเป็นพระเอก ดูมาเรื่อยจนกระทั่งตอนจบครับ โรงเรียนผมดันมาจัดเข้าค่ายลูกเสือตอนวันนั้นพอดี อดดูตอนจบ ทำเอาผมเซ็งมาก วันจันทร์เลยเดินเข้าห้องสมุดไปยืมมาอ่าน เท่านั้นแหละครับ วางไม่ลงจริงๆ เท่านั้นยังไม่พอมันยังลุกลามไปทำให้ผมติดนิยายทุกเรื่องของแก จนกระทั่งไปติดใจที่สุดคือเรื่องของ ธนุส นิราลัย

ผมว่านิยายของคุณวศิษฐมีเสน่ห์ตรงที่การเล่าเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ การบรรยายอาวุธ,ยุทธวิธีทางทหาร,การบรรยายฉากต่อสู้ ที่เหมือนจริงเอามากๆ ซึ่งถ้าใครว่างๆก็ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับ ไม่เฉพาะเรื่องของธนุสเท่านั้นนะครับ พวก ลว.สุดท้าย, สารวัตรใหญ่ (เวโรจน์), เบี้ยล่าง, เลือดเข้าตา, สันติบาล พวกนี้ก็สนุกเหมือนกัน (ผมชอบสารวัตรใหญ่ที่สุดครับ)


2 ส่วนที่มาของชื่อบล็อกตอนแรกกะเดินตามรอยรุ่นพี่ทั้งสองคน คือพี่ ratioscripta กะพี่ etatdedroit เอาชื่อที่มันเป็นวิชาการๆหน่อย แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า อย่าพึ่งตั้งชื่อให้มันหรูเกินความสามารถ เลยมองซ้ายมองขวา ไปเจอะเอาหนังสือเดอะลอร์ดออฟเดอะริง ชื่อ nazkull มันเลยผุดขึ้นมาในหัวอย่างทันทีทันใด ถ้าใครดูหนังเดอะ ลอร์ด คงจำไอ้ตัวอัศวินปีศาจที่เป็นลูกน้องของจอมมารเซารอน ภาคแรกขี่ม้า ภาคสองดันอัพเกรดไปขี่ไดโนเสาร์แทนมีทั้งหมด 7 ตัว เห็นเข้าท่าดีและก็ตรงตามคอนเซ็ปท์ ที่ผมวางไว้ตอนจะเขียนบล็อก คือผมไม่ได้กะจะเขียนบล็อกคนเดียวกะชวนเพื่อนพ้องน้องพี่มาร่วมแจม ฉะนั้นชื่อบล็อกต้องไม่ใช่ชื่อผมคนเดียว แต่มีความหมายถึงหลายๆคน แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครโผล่มาร่วมกะผมซักคนเลย

หุหุแค่ชื่อตัวเองกะชื่อบล็อกก็ได้ 2 ข้อแล้ว

3. ผมเป็นคนที่จำหน้าคนไม่ได้เลย แบบว่าถ้ามองหน้าอย่างเดียวแล้วให้บอกชื่อเนี่ยผมจำไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าผมไปเล่นเกมทศกัณฑ์ แล้วหน้าแรกไม่ใช่หน้า คุณทักษิณ หรือคุณชวน หลีกภัย นี่ตกรอบแน่นอน ซึ่งในชีวิตประจำวันนอกจากคนที่เจอหน้ากันทุกวัน ผมจะใช้วิธีจำจากท่าทาง ทรงผม เสื้อผ้า ซึ่งขนาดเพื่อนผมเอง เรียนด้วยกันมาเจอกันนอกโรงเรียนบางทีผมยังจำไม่ได้เลยครับเพราะไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน ไม่คุ้น และเมื่อก่อนผมจะเป็นคนที่ทักคนผิดบ่อยมากๆ ก็เนื่องจากจำหน้าคนไม่ได้นี่แหละครับ แต่หลังๆมานี้ไม่ทักผิดแล้ว เพราะไม่กล้าทักใครก่อน กลัวหน้าแตก

4. ผมชอบอ่านการ์ตูนมากๆ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ พออ่านเยอะเข้าก็ชักอยาก เป็นนักเขียนการ์ตูน (ตอนนั้นอยู่ ป.6)ก็ทดลองวาดรูปเล่นกับกระดาษสมุด ซึ่งจริงๆแล้วผมน่าจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีความสามารถทางด้านนี้จริงๆ เพราะลองเทียบรูปที่ตัวเองวาดกับเพื่อนวาดนี่ต่างกันราวสวรรค์กะนรก แต่ผมกลับคิดว่าถ้าฝึกไปเรื่อยๆก็น่าจะเก่งได้ จนกระทั่งวันนึง ผมได้รับเลือกจากครูสอนศิลปะให้วาดรูปลงกระดาษแผ่นใหญ่ เพื่อจะจัดแสดงในงานโรงเรียน (ปกติในชั้นเรียนจะได้วาดแต่กระดาษแผ่นเล็ก) ผมดีใจโคตรๆ ตอนแรกที่อาจารย์แกบอก ผมก็งงๆอยู่ เพราะรูปที่ผมวาดไปส่งไม่ได้มีอะไรที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นรูปวาดที่ดีแม้แต่น้อย ผมเลยคิดว่าอาจารย์คงเห็นอะไรบางอย่างในรูปของผม ก็เลยนึกในใจว่าเราก็มีฝีมือเหมือนกันนี่หว่า

พอวาดเสร็จผมก็เอารูปไปส่งอาจารย์ พออาจารย์แกดูนอกจากแกจะไม่เก็บอาการแล้ว แกยังพูดจาตรงไปครงมาได้ใจผมมากเลย แกพูดว่า“ตอนครูให้เธอวาดรูปเนี่ย ครูเมาป่าววะ” (มี "วะ" จริงๆนะครับไม่ได้เติมเอง)เท่านั้นแหละครับ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าประตูสู่เส้นทางชีวิตศิลปิน(ไส้แห้ง)ของผมได้ปิดลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว นับแต่นั้นผมก็เลยไม่ได้วาดรูปอีกเลยเว้นแต่จำเป็นต้องส่งงานวิชาศิลปะเท่านั้น เหลือไว้ก็แต่ความฝันวัยเด็กแบบขำขำ

5 ผมเป็นคนที่ติดบ้านมากๆ ไม่ค่อยอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ต้องค้าง รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสบายใจเท่าไหร่ วันหยุดยาวๆ ที่คนอื่นๆอาจไปเที่ยวต่างจังหวัดแต่ผมขอนอนอยู่บ้านดีกว่า ขนาดดื่มจนเมามากๆถ้าไม่มีเหตุปัจจัยอะไรผมจะกลับบ้านตลอด เหตุปัจจัยที่ว่าคือเงินค่าแท็กซี่นี่แหละครับ ตอนเรียนมหาลัยบ้านผมอยู่รามอินทรา ค่าแท็กซี่จากร้านเหล้ากลับบ้าน ไม่ต่ำกว่า 150 นักศึกษาอนาถาอย่างผมเลยต้องของพี่งใบบุญจากเพื่อนๆ แต่พอตื่นมาซึ่งผมจะเป็นคนตื่นเช้า ผมก็รีบบึ่ง(รถเมล์)กลับบ้านทันที จนเพื่อนๆหาว่าผมเป็นนินจา ไปไม่ลามาไม่บอก อยู่ๆก็หายตัวไปเลย (ก็แน่หล่ะซิครับขืนผมรอพวกคุณมึงตื่นผมก็คงไม่ต้องกลับบ้าน กว่าจะตื่นกันล่อเข้าไปบ่าย 3 บ่าย 4 ร่ำลาเสร็จก็ได้เวลาตั้งวงใหม่พอดี)

ส่วนส่งต่อให้ใคร 5 คนนั้น บรรดาคนที่ผมรู้จักหรือแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนที่บล็อกผมก็เขียน Tag กันไปหมดแล้ว เหลืออยู่คนเดียว ซึ่งผมขอ Tag คนนี้คนเดียวเลยนะครับ นั่นคืออ.นิติรัฐนั่นเอง ยังไงก็รบกวน อ.ด้วยนะกรับ อยากอ่านของอ.น่ะกรับ