Wednesday, March 22, 2006

บ่นการเมือง(แก้นอนไม่หลับ)

ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปจากวงการบล็อกเกอร์ก็เนื่องมาจาก(ข้ออ้างหลักคือ) ติดภารกิจการศึกษา แต่ความจริงเกิดจากอาการป่วยของโรคขี้ขึ้นสมอง อันได้แก่ ขี้เกียจ กับขี้กลัว ไอ้เรื่องขี้เกียจนี่สงสัยเป็นโรคที่รักษายังไงก็คงไม่หาย นี่ถ้าคำพังเพยของไทยเราเป็นจริงที่ว่า “ขี้เกียจตัวเป็นขน” สงสัยว่าผมคงเป็นมนุษย์ที่มีขนเยอะที่สุดคนนึงของโลกเลยทีเดียว (ฮา)

ส่วนขี้กลัวเกิดจาก กลัวว่าเขียนแล้วจะมีคนเข้ามาด่า หรือเขียนแล้วซ้ำกับของคนอื่นกลายเป็นฟังขี้ปากเค้ามาพูด หรือเขียนแล้วคนอ่าน อ่านไม่รู้เรื่อง เลยไม่ได้ลงมือเขียนตอนใหม่ขึ้นมา ทั้งๆที่คิดอยากจะเขียนเกี่ยวกับการเมืองที่ร้อนระอุอยู่ในปัจจุบัน บล็อกตอนที่ท่านอ่านอยู่นี้ เกิดขึ้นมาไม่ใช่เพราะผมชนะความกลัวหรอกครับแต่เพราะนอนไม่หลับเลยลุกขึ้นมาหาอะไรทำ ซึ่งออกตัวก่อนว่าตัวผมเอง ความรู้ก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แค่อยากจะแสดงความคิดเห็นบ้างก็เท่านั้น ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็บอกกล่าวกันได้ครับ แต่อย่าถึงกับด่าทอกันเลยนะครับ เราคนไทยต้องไม่เครียดครับ (ฮา)

-1-

ย้อนกลับไปวันที่คุณทักษิณประกาศยุบสภา วันนั้นผมได้มีโอกาสที่จะเข้าชื่อตรวจสอบคุณทักษิณ เรื่องจริยธรรมผู้นำ ในกรณีการขายหุ้นชินคอร์ป และตรวจสอบจริยธรรมบรรดาเนติบริกรทั้งหลาย แต่ผมก็ได้ปฏิเสธไปทั้งสองรายการ โดยรายการแรก ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมไม่เห็นว่าการไม่เสียภาษีจะเกี่ยวข้องกับจริยธรรมตรงไหน จริงๆ ถ้าจะตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลในการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวคุณทักษิณ ผมว่าไม่น่าจะชูประเด็นภาษีมาเป็นประเด็นหลัก ประเด็นหลักน่าจะเป็นเรื่องกิจการที่ชินคอร์ปดำเนินการอยู่คือกิจการที่เป็นสัมปทานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นโทรคมนาคม หรือดาวเทียม หรือโทรทัศน์ ซึ่งในอดีตถือว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศที่ รัฐจะต้องเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเองทั้งสิ้น แต่กิจการเหล่านี้กลับตกอยู่ในมือของนิติบุคคลไทยที่ถูกครอบงำโดยบุคคลต่างด้าว เรืองความมั่งคงต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จึงควรจะมีการทบทวนในเรื่องพวกนี้ให้เร็วที่สุด

สำหรับกรณีของเนติบริกร อันได้แก่ คุณวิษณุ คุณบวรศักดิ์ ผมเลือกที่จะไม่เข้าชื่อตรวจสอบจริยธรรม เพราะผมมองว่าการลงชื่อดังกล่าวเป็นลักษณะของการประจาน หรือด่าทอ ประชดประชันกันมากกว่าที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ โดยตัวผมมองว่าทั้งสองคนยังมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพียงแต่ตอนนี้หลงผิดฝ่ายไปหน่อย ถ้ากลับตัวกลับใจสังคมคงจะให้อภัย (หรือเปล่า??) สำหรับ อ.บวรศักดิ์ ผมอยากให้แกกลับมาเขียนหนังสือกฎหมายมหาชนต่อให้จบ (ค้างอยู่ 2 เล่ม) หนังสือกฎหมายมหาชนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นตำรากฎหมายมหาชนภาษาไทยที่ดีที่สุดเท่าที่เมืองไทยเคยมี ส่วน อ.วิษณุ ด้วยบุคลิกภาพ ความมั่นใจในตัวเองสูงประกอบกับความรู้และ หลักการที่อัดแน่นอยู่ในตัว น่าจะกลับมาเป็นอ. สอนหนังสือเหมือนเดิม ( ผมเดาว่า อ.แกน่าจะสอนหนังสือสนุกนะ) หรือไม่ก็ไปเปิดร้านอาหารครัว ครม. ตามชื่อหนังสือ ก็น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นเนติบริกรเป็นไหนๆ (ท่านว่าจริงมะ)

-2-

ในกรณีการยุบสภาของคุณทักษิณ ผมเห็นด้วยที่คุณทักษิณเลือกทางนี้ เพื่อที่จะหนีการกดดันจากกลุ่มพันธมิตร(ที่ไม่ใช่ทีมพากษ์หนัง)ให้ลาออก แต่ไม่ใช่เพราะว่าจะให้ประชาชนตัดสินความชอบธรรมในตำแหน่งนายกนะครับ เพราะการเลือกตั้งของประชาชนไม่ใช่ศาลที่จะตัดสินความผิดจากการกระทำของคุณทักษิณได้ แต่เนื่องจากผมเกรงว่าถ้าคุณทักษิณลาออกจากนายกในตอนนั้นจริง กระบวนการทางกฎหมายต้องมีการเลือกนายกฯ ขึ้นมาใหม่ ตรงนี้แหละครับ ผมคิดว่าคุณทักษิณจะต้องดันร่างทรงขึ้นมาเป็นนายกฯ บังหน้า โดยตัวเองเชิดหุ่นอยู่ข้างหลัง ซึ่งถ้าให้ผมสมมุติตัวเองเป็นคุณทักษิณในการเลือกนายกฯหุ่นกระบอกมาซักคน คนๆนั้นต้องมีคุณสมบัติสั่งการได้ ไว้ใจได้ จงรักภักดี ทำงานเร็ว ฉับไว ใจกล้า (หน้าด้าน??) โดยคนที่เป็นแคนดิเดทในตำแหน่งนี้ (ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็น สส.บ้างนะครับ) ก็คือ 1. เนวิน 2. วัฒนา 3. สุรนันท์ 4. ยงยุทธ แล้วเราๆ ท่านๆ จะได้หัวเราะร่า น้ำตาริน กับนายกคนใหม่อย่างแน่นอน (ฮา แบบ ฮือๆ)

-3-

พอยุบสภาแล้ว ผมก็คิดว่าคราวนี้ไทยรักไทยต้องได้จำนวน สส. น้อยกว่าคราวที่แล้วอย่างมาก โดยเฉพาะใน กทม. และถ้าหากฝ่ายค้าน 3 พรรค อั้วกัน โดยไม่ส่งผู้สมัครตัดคะแนนกันเอง ซึ่งได้ยินข่าวแว่วมาว่า ในการเลือกตั้งคราวที่แล้ว มีเขตการเลือกตั้งที่คะแนนของประชาธิปัตย์ รวมกับพรรคมหาชน หรือชาติไทย มากกว่าคะแนนของไทยรักไทย แต่ไทยรักไทยได้เป็น สส.ไป เพราะคะแนนมันกระจายกัน ประมาณ 80 เขต ถ้ารวมกับของเก่า 124 สส. โอกาสที่จำนวนสส.ของฝ่ายค้านจะถึง 200 ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ซึ่งถ้าได้จำนวนมากก็ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ให้ไทยรักไทยมามีอิทธิพลได้มากนัก

แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อพรรคฝ่ายค้านรวมตัวกันฮั้วจริงๆ ครับ แต่ดันฮั้วบอยคอต ไม่ส่งคนลงเลือกตั้ง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมีอะไรมากกว่านั้น ลำพังแค่การบอกว่าการยุบสภาไม่ชอบดัวยหลักการ หรือไม่อยากจะมีส่วนร่วมในการสร้างความชอบธรรมให้คุณทักษิณด้วยการลงแข่งขันเลือกตั้ง ผมว่ายังไม่เพียงพอ

หรือจะอ้างว่าคุณทักษิณไม่ยอมลงสัตยาบันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปการเมืองตามที่ฝ่ายค้านเสนอ ก็ไม่เพียงพอ เพราะตอนหลังคุณทักษิณก็ยอมลงสัญญาประชาคมไว้ แม้จะต่างกันในถ้อยคำ แต่โดยนัยเหมือนกัน (ไม่มีผลบังคับในทางกฎหมายเหมือนกัน (ฮา) ) คือต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพียงแต่จะแก้วิธีไหนเท่านั้นเอง

-4-

ยิ่งฝ่ายค้านไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ยิ่งทำให้ไพ่ในมือของฝ่ายไม่เอาคุณทักษิณเหลือน้อยเต็มที จนในที่สุดวาทกรรมนายกพระราชทานก็กลับมากระหึ่มอีกครั้ง เพราะหมดทางที่จะโค่นคุณทักษิณแล้ว อันนำมาซึ่งความเห็นขัดแย้งในทางวิชาการเรื่องการใช้มาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญที่ถกเถียงกันมาพอสมควร ผมจึงไม่ขอฉายซ้ำอีกครั้ง แต่ขอออกความเห็นนึดนึงว่าการใช้มาตรา 7 ไม่ใช่เป็นเพียงการฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่เป็นการฉีกตำรากฎหมายที่ผมได้เรียนมาเลยทีเดียว

ไอ้ตอนที่ได้ยินเรื่องการขอนายกพระราชทาน ผมแว่วได้ยินเสียงเพลงของน้าแอ็ด คาราบาว เพลงนึง ดังก้องขึ้นมาในหูอย่างไม่ได้นึกคิดมาก่อน ซึ่งเพลงนั้นร้องว่า.....

นาย ก. นาย ก. นาย ก. คุณจะเป็นใครก็ได้
ขอให้ประชาชนไทยได้เป็นคนเลือกนาย ก.
นาย ก. นาย ก. นาย ก...........

บทเพลงนี้ถ้าผมจำไม่ผิดเกิดในยุดพฤษภาทมิฬ เพื่อต่อต้านคุณสุจินดา ไม่ให้เป็นนายกเพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งกว่าจะได้มาก็ “เสียเลือด เสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป” แต่ไปๆมาๆสมัยนี้ พ.ศ.นี้ กลับไม่ต้องการซะงั้น (เฮ้อ !!)

-5-

ถ้าถามผมว่าแล้วจะเอายังไงต่อไปกับการเมืองไทย ผมตั้งความหวังกับไว้ 4 ทาง

ทางแรก ผมก็ยังหวังว่าจะมีอะไรมาดลใจให้คุณทักษิณยุติบทบาททางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นขึ้นมาบริหารประเทศบ้าง จริงๆถ้าผมเป็นคุณทักษิณ ผมกลับบ้านนอนดีกว่า ทำงานจนได้รับการให้เกลียด เอ้ย ให้เกียรติเอาชื่อคุณทักษิณไปตั้งเป็นชื่อทางวิชาการ เช่น ทางรัฐศาสตร์เรียกการปกครองแบบทักษิณว่า ทักษิณาธิปไตย ทางเศรษฐศาสตร์เรียกระบบเศรษฐกิจของทักษิณว่า ทักษิโณมิก ล่าสุด ทางมนุษย์ศาสตร์ เรียกคนที่มีความคิดเหมือนกับทักษิณว่า ทักษิณชน (อันนี้ผมตั้งเอง ตามบทความ อ.นิธิ เรื่องคนอย่างทักษิณ) ถึงขนาดนี้แล้วท่านยังจะเอาอะไรอีกกรับ

ทางสอง ให้คุณทักษิณเว้นวรรคทางการเมือง 1 สมัย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือกติกาของบ้านเมืองซะก่อน แล้วคุณทักษิณค่อยกลับสมัครรับเลือกตั้งใหม่ก็ไม่สาย ตามแนว อ.วรเจตน์ แห่งท่าพระจันทร์ กับน้าแอ็ด คาราบาว

ทางสาม กกต.ปรึกษากับรัฐบาล ให้ตรา พระราชกฤษฎีกาแก้ไขวันเลือกตั้งเนื่องจากเห็นว่า เมื่อเลือกมาแล้วจะเกิดปัญหายุ่งยาก แล้วฝ่ายค้านยอมกลับใจมาลงสมัคร และทั้งหมดร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญ (ฟังขี้ปากเค้ามาพูด เหอ เหอ )

ทางที่สี่ สุดท้ายผมหวังว่าคะแนนเสียงของพรรคไทยรักไทย จะไม่ถึง 50 % ของจำนวนคนที่ออกมาใช้สิทธิ ตามที่คุณทักษิณประกาศไว้ ว่าจะไม่เป็นนายก ดังนั้นพวกเราชาวบล็อกเกอร์ทั้งหลาย เพื่อเห็นแก่ที่คุณทักษิณ.........จนเหนื่อยแล้ว อยากให้คุณทักษิณพักผ่อนซะที กรุณากาช่องไม่ลงคะแนน เพื่อส่งคุณทักษิณกลับไปพักผ่อนที่บ้าน

กรับ......