Wednesday, February 01, 2006

เรื่องแต่ง(ภาคเอากะเค้ามั่ง)

I am………………….
เสียงเพลงไอ แอม ของ บอง โจวี่ ที่ผมตัดทำเป็นริงโทน เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังจะแอบหลับในระหว่างทำงาน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูอย่างหงุดหงิด “ใครวะโทรมากวนเวลานอน” ผมบ่นในใจ แต่ก็ต้องรีบรับโทรศัพท์ทันที

“ครับ แม่ มีอะไรรึป่าวครับ” ผมพูดขณะปรับอารมณ์ไม่ให้มีน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แต่วันเสาร์นี้ไปไหนหรือป่าว” แม่ผมถามอย่างมีเลศนัย
“ไม่ได้ไปไหน ครับ มีอะไรหรือป่าวครับ” ผมตอบพลางนึกทบทวนว่า เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาพึ่งโดนแม่ลากเข้าวัดหาพระหาเจ้า ทั้งๆที่วิตามินแอลยังออกฤทธิ์อยู่ในหัวผม นั่งฟังพระสวดมนต์ด้วยความทรมาน

“นึกว่าจะไปชุมนุมกะเค้าด้วย รู้ป่าวไอ้อ้วนมันจะไปชุมนุมกะเค้าด้วยนะ” แม่พูดถึงพี่ชายผมอย่างเป็นห่วง ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะรู้ดีว่าพี่ชายผมเป็นแฟนรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของสนธิ หนังสือทุกเล่ม ซีดีทุกแผ่น พี่ผมมีหมด
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ มันโตแล้วนะครับ” ผมตอบตามความเห็น
“แม่ก็เป็นห่วงซิ ไปกะอีตาสนธิ”
ออ!! อย่างนี้นี่เอง แม่ผมไม่ชอบสนธิอย่างแรง เนื่องจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่แม่เคยชอบดู เลิกเชียร์ท่านนายกฯ แถมยังกลับมาด่าอย่างหยาบๆคายๆ
“ถ้าไปกะมหาจำลอง แม่คงไม่ห่วง” ผมยกนักการเมืองคนโปรดของแม่มาประชด

“ไปกะใคร แม่ก็ห่วงทั้งนั้นแหละ” แม่ผมโต้กลับ “คุยกะมันให้แม่หน่อยซิ แม่พูดจนปากจะฉีกแล้ว มันก็ไม่ฟัง”
ผมนึกปฏิเสธในใจทันที “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวโดนข้อหาไม่รักชาติ ไม่จงรักภักดี เป็นพวกทักษิณ” เพราะเคยปะทะคารมกันบ่อยๆ
“เค้าก็ใช้เสรีภาพในการชุมนุมของเค้า ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ผมอ้างรัฐธรรมนูญ เพื่อหาทางเลี่ยงหน้าที่ที่แม่มอบหมายให้

“สิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญที่จะคัดค้านนายกฯ ก็มีหลายทาง ก็พวกเข้าชื่อถอดถอน หรือไม่ก็ขีดๆเขียนๆ แสดงการคัดค้านก็ได้นิ ไม่เห็นจะต้องไปชุมนงชุมนุมอะไรกะเค้าด้วยเลย” แม่สวมวิญญาณอดีตคุณครู บรรยายวิชารัฐธรรมนูญให้ผมฟัง
“เอาน่าแม่ ปล่อยมันไปเหอะ มันก็โตแล้วนะ อายุจะ 30 แล้ว เรียนก็สูงเอาตัวรอดได้แหละ” ผมเริ่มอัปจนปัญญา งัดเอาอายุกับการศึกษามาอ้าง
“โตแต่ตัวนะซิ ทำอะไรไม่เคยคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่บ้างเลย แม่เลี้ยงมากว่าจะโตได้ขนาดนี้.............” เสียงแม่ผมสั่นๆ และก็เงียบไป

“มันคงแค่ไปดูแล้วก็กลับแหละครับ แม่อย่าคิดมากเลย” ผมปลอบ
“แม่กลัวเค้าเอาทหารมายิงน่ะซิ นั่นไม่เลือกหรอกว่าใครมาดู ใครมาชุมนุม”
“จำอาเปี๊ยกได้ไหม นั่นก็ไปแค่ดู หายไป 3 วัน นึกว่าโดนยิงตายไปแล้ว โชคดี ตอนที่เค้ายิงกัน วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปมุดเข้าบ้านใครก็ไม่รู้ แต่เจ้าของเค้าใจดี ให้หลบอยู่เลยรอดมาได้” แม่ผมเล่าราวกับประสบเหตุด้วยตนเอง

“แม่ครับ สมัยนี้แล้ว เค้าไม่ทำกันอย่างนั้นแล้วแหละ” ผมพูดไปหัวเราะไป ที่แม่ขุดเอาการเมืองยุคเก่ามากล่าวอ้าง
“ทำเป็นเล่นไป” แม่ผมดุเสียงเขียว
“คนมันหลงอำนาจ ทำได้ทุกอย่างแหละ เสียสัตย์เพื่อชาติยังมีคนทำมาแล้วเลย” แม่แขวะอดีตนายกฯคนนึง
“จำป้าจิตเพื่อนแม่ที่ได้เป็นผอ.โรงเรียนได้ป่าว นั่นแค่ผอ.นะ ยังบ้าอำนาจซะขนาดนั้น แล้วอำนาจระดับนี้ อย่าทำเป็นล้อเล่นนะ” แม่ผมงัดเอาน้ำร้อนที่แม่เคยอาบ มาราดตัวผม
“เดี๋ยวเกิดมีมือที่สามเข้ามาวุ่นวาย นี่เห็นข่าวว่าจะมีปาระเบิดด้วยนิ แม่ก็กลัวซิ”


“ไม่ดีหรือแม่ แม่จะได้มีลูกเป็นวีรชนเดือนกุมภาไง” ปากพาซวยของผมโพล่งออกไป ก่อนจะได้คิด
“ล้อเล่น ครับ” ผมรีบแก้ตัว


“................................................................”

แม่ผมเงียบไปพักใหญ่
“จะรักชาติ รักประชาธิปไตย ก็อย่าลืมรักแม่ด้วยละกัน” แม่ผมทิ้งท้ายก่อนวางสายไป

5 comments:

Tanusz said...

จ่ายเป็นวิตามินแอลละกัน
บินกลับมาดื่มนะกรับ
555

logakoo said...

อืมอ่านแล้วเหมือนกับที่แม่ผมบอกเลยแฮะ
เรื่องของลุงสนธินี่ ผมไม่ไปหรอกเพราะไม่อยากตายถ้ามันยิงกัน
ญาติผมคนนึงตายไปแล้วตอนพฤษภา 35...
สาธุขออย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกเลย
อ้อ..ผมเขียนเรื่องdream theater แล้วนะครับ

Tanusz said...

ปฐมบทแห่งบล็อกตอนนี้เกิดจากที่ผมคุยกะแม่
แล้วแม่ก็ได้ตักเตือนมาหลายอย่างรวมถึงเรื่องการชุมนุมด้วย

ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวของผม ผมรู้สึกเหมือนกับว่าการชุมนุมครั้งนี้ มีคนต้องการให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงน้าเหลี่ยมอยู่ไม่ได้แน่

และน้าเหลี่ยมได้อำนาจมาโดยวิถีทางแห่งประชาธิปไตย หากจะเอาน้าเหลี่ยมลงก็ควรจะใช้วิถีทางเดียวกัน (ซึ่งผมไม่ได้คิดว่าการชุมนุมคราวนี้จะสงบและปราศจากอาวุธจริงตามหลักการ)

ฉะนั้น ใครคิดจะไปชุมนุมผมขอให้ไม่มีเหตุกาณ์ร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น และขอให้การชุมนุมประสบผลสำเร็จ

ส่วนใครจะไปสังเกตการณ์ ผมว่าสังเกตอยู่บ้านก็ได้ครับ

ปล.น้อง logakoo พี่ก็เสียดายมาเช่นกันที่ตัดสินใจไม่ไปดู เพราะโดนเพื่อนพี่ที่ไปดูมา บอกว่า
"มึงพลาดอย่างแรง" T_T

และเพื่อนพี่อีกคนนึงได้บัตรฟรี แต่ไปนั่งหลับ เสียดายของโคตรๆ

Soulseeker said...

ผมอยากใช้คำเดิ้นๆว่า อย่ามองแต่เพียงปรากฎการณ์ "เหลี่ยมวิปโยค"นี้ว่า เราจะร่วมมืออย่างไร เราจะแสดงเจตจำนงค์เสรีอย่างไร ให้พ้นจาก19ล้านเสียงเวรๆนั่น หรือเราจะเตรียมเสื้อกันกระสุนไปซํกกี่ชั้นหากต้องเข้าร่วม

แต่เราต้องมองในกรอบใหญ่ว่า ภาวะพ้นไปจากทักษิณ (post-THAKsin)ควรจะเป็นอย่างไร เพราะอย่างไรถึงจะทำให้ระบอบมันดีกว่าที่เป็น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวบุคคล

ผมเห็นหลายประเด็นที่ทำให้ผมระโหยโรยแรง

ทั้งลักษณะของการชุมนุม ทั้งการดำเนินการโดยฝั่งผู้จัดกวน(เมือง)? ผมไปอ่านคำถอดเทปแล้วหวาดเสียวว่าสนธิจะเจอของหนัก(จาบจ้วง เละเทะ ไม่อยู่ในพื้นฐานข้อมูลอีกต่อไปแล้ว) ซึ่งตอนที่ผมพิมพ์นี้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะมีคนเริ่มฟ้องม.116(2)ป.อ. ตามที่พี่ป๊อกกล่าวไว้ในบทความลูกแกะในโอเพนนะฮะ

ผู้คนที่เข้าร่วมชุมนุมก็เฮๆ โห่ฮา อิงไปกับคำมันๆ จาบจ้วงๆ(โดยเฉพาะทั้งสนธิและคนเข้าร่วมชุมนุม จุดเริ่มต้นและจุดยึดโยงสำคัญ คือเรื่องละเมิดสถาบันกษัตริย์ ซึ่งผมเห็นว่ามันเป็นอาวุธของทั้งสองฟากอยู่แล้ว มันอยู่ไกลจากระบอบการเมือง "ที่มันเป็น"มากเกินไป )

มันจึงสอดคล้องกันกับสนธิที่พูดกันพอดี

ผมเลยเห็น

แนวโน้มความรุนแรงกำลังจะมาฮะผมเห็นคลื่นจากไกลๆแล้ว

เฮ้อ...

Tanusz said...

เก่งไม่กลัว กลัวช้าครับพี่มิ้ม 555