Thursday, August 18, 2005

บริการใหม่จากตำรวจไทย

ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงเคยดูหนังประเภทโจรปล้นธนาคาร ในขณะที่โจรกำลังถือปืนขู่คนที่อยู่ในธนาคารนั้น (กรุณานึกภาพตามนะครับ ) นอกจากพระเอกแล้วจะมีคนๆนึงที่ทำตัวตุกติกมีพิรุธ ในสายตาของโจร นั่นคือผู้จัดการธนาคารซึ่งจะเป็นคนกดปุ่มๆนึง ซึ่งไอ้เจ้าปุ่มเนี้ย กดแล้วตำรวจจะแห่กันมาครับ ผมเรียกสั้นๆว่า “ปุ่มฉุกเฉิน” (ไม่ใช่พรก.ฉุกเฉินนะครับ)


ในประเทศไทยของเราก็มีบริษัทเอกชนรายนึงรับติดปุ่มฉุกเฉินให้กับพวกธนาคาร ร้านทอง หรือตามบ้านเรือนประชาชนทั้งหลาย หากมีโจรมาปล้น ก็กดปุ่มฉุกเฉินที่ว่า แล้วมันจะต่อสายตรงไปยังตำรวจท้องที่ให้เข้าช่วยดูแลความปลอดภัยให้ โดยบริษัทนั้นก็เก็บตังค์จากพวกธนาคาร ร้านทอง เป็นค่าต่อสายตรงถึงตำรวจเป็นรายเดือน แต่ผลปรากฏว่า ในปี 2544 มีสัญญาณเตือนภัยที่เกิดจากเจ้าปุ่มฉุกเฉินทั้งสิ้น 421 ครั้ง แต่เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายจริงเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ทำให้ตำรวจผู้มีหน้าที่รักษาความสงบต้องเดือนร้อน เสียทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือเซ็งครับ อุตสาห์ออกมาทั้งที่แทนที่จะจับโจรได้ผลงาน แต่ดันกลับบ้านมือเปล่า


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)จึงได้ส่งเรื่องไปขอความเห็นจากฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล(คณะกรรมการกฤษฎีกา)ว่าสตช.จะทำได้หรือไม่ หากจะทำสัญญากับบริษัทเจ้าของปุ่มเรียกเก็บเงินค่าบริการจากบริษัทดังกล่าว เพราะเป็นต้นเหตุทำให้ตำรวจต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่าย และเสียอารมณ์ ในกรณีที่มีการกดปุ่มฉุกเฉิน แต่ไม่เจอโจรให้จับ ซึ่งก็น่าจะยุติธรรมดี เพราะตำรวจจะได้รางวัลปลอบใจกลับบ้าน เวลาไปตรวจตามสัญญาณเตือนภัยของปุ่มฉุกเฉินแต่ไม่เจอโจรให้จับ แต่เดี๋ยวก่อน สมมุติว่าผมเป็นเจ้าของบริษัทปุ่มฉุกเฉิน ,แน่นอนที่สุด, ผมจะไปเรียกเก็บค่าบริการนี้จากผู้ใช้บริการปุ่มที่ว่าทั้งหลาย ซึ่งก็คือประชาชนผู้เสียภาษีให้แก่รัฐ เท่ากับว่าประชาชนต้องเสียเงินให้ตำรวจสองเด้ง คือนอกจากจะเสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อเป็นเงินเดือนให้กับตำรวจแล้ว ยังต้องมาเสียเงินจ้างตำรวจที่มีหน้าที่จับโจรอยู่แล้วให้มาจับโจรซ้ำอีก


แต่เดชะบุญครับ ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลไม่เล่นด้วยครับ โดยนำกฎหมายตำรวจแห่งชาติ มาตรา 6 บอกว่า “ตำรวจมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร” ดังนั้นการไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ได้รับการเตือนจากปุ่มฉุกเฉินนั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นจริงกตาม ก็ต้องถือว่าอยู่ในภารกิจและอำนาจหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว ตำรวจจึงไม่มีอำนาจในการเรียกเก็บหรือทำสัญญาเรียกเก็บค่าบริการจากใครทั้งสิ้น


ทุกอย่างจบด้วยดีครับ นอกจากฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลจะได้ช่วยประชาชนไว้แล้ว ผมว่ายัง “อาจจะ” ช่วยพี่น้องตำรวจไทยทุกคนด้วยครับ ช่วยยังไงน่ะหรือครับ อธิบายง่ายๆว่า หากมีคนเสนอเงินหรือให้เงินแก่ข้าราชการเพื่อให้ทำงานตามหน้าที่ของตน ข้าราชการที่รับเงินนั้นมีความผิดในข้อหา “เจ้าพนักงานเรียกรับสินบน” เพราะทำงานโดยเห็นแก่ประโยชน์ที่จะได้รับ ไม่ได้ทำงานเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ดังนั้นหากตำรวจคนใดรับเงินค่าบริการมาถือว่ามีความผิดครับ เพราะทำงานตามหน้าที่โดยเห็นแก่ทรัพย์สิน และพอเอาเงินกลับโรงพักเพื่อนตำรวจด้วยกันไม่เข้าจับกุม เพื่อนตำรวจนายนั้นก็มีความผิดฐาน “เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ด้วย เรียกว่าซวยทั้งโรงพักครับงานนี้?????